OSI Stack กับอุปกรณ์เน็ตเวิร์ก
การรับส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ สองระบบนั้นจะผ่านชั้นต่าง ๆ ของ OSI 7-Layer Model ดังนั้นอุปกรณ์เน็ตเวิร์กต่าง ๆ ที่ใช้ก็จะมีการทำงานตรงตามชั้นต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ใน OSI ด้วย ซึ่งจะแยกอธิบายถึงอุปกรณ์แต่ละอย่างได้ดังนี้
Hub หรือ Repeater
อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ขยายสัญญาณที่ได้รับมาส่งต่อให้กับอุปกรณ์อื่น จะขยายสัญญาณที่ได้รับโดยไม่มีซอฟต์แวร์มาเกี่ยวข้องในการจัดรูปแบบของข้อมูล การติดตั้ง Hub จึงทำได้ง่าย เพราะไม่มีอะไรต้องปรับแต่งในแง่ของซอฟต์แวร์ จุดประสงค์ในการติดตั้ง Hub ก็เพื่อขยายสัญญาณให้ต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เพิ่มมากขึ้น
Switch หรือ Bridge
อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อ LAN สองเครือข่ายเข้าด้วยกัน โดยจะต้องเป็น LAN ประเภทเดียวกัน และใช้โปรโตคอลในการรับส่งข้อมูลเหมือนกัน เป็นการขยายเครือข่ายระบบเดียวให้มีจุดเชื่อมต่อมากขึ้น ไม่ใช่การนำเครือข่ายสองเครือข่ายมาต่อเข้าด้วยกันเหมือนการใช้ Switch มีการทำงานในระดับชั้นที่ 2 คือ Data Link Layer ของ OSI ความสามารถในการเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์ที่ใช้รับส่งข้อมูลเข้าด้วยกัน และ ตรวจสอบข้อผิดพลาดของการรับส่งข้อมูลในระดับฮาร์ดแวร์ การติดตั้งและการใช้งานจะคล้ายกับการติดตั้ง Hub
Router
อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อ LAN หลาย ๆ เครือข่ายเข้าด้วยกันคล้ายกับ Switch แต่จะมีส่วนเพิ่มเติมขึ้นมา คือ สามารถเชื่อมต่อ LAN ที่ใช้โปรโตคอลในการรับส่งข้อมูลเหมือนกัน Router มีการทำงานในระดับชั้นที่ 3 ของ OSI คือ Network Layer และสามารถรับส่งข้อมูลที่เป็นกลุ่มข้อมูลหรือ Frame จากต้นทางไปยังปลายทาง โดยกำหนดเส้นทางที่ข้อมูลจะถูกส่งไป การติดตั้ง Router จึงยุ่งยากกว่าการติดตั้ง Hub และ Switch โดยต้องมีการกำหนด Network Address ของเครือข่ายแต่ละชนิดที่จะใช้ Router เชื่อมเครือข่ายเหล่านั้นเข้าด้วยกัน
Gateway
อุปกรณ์ที่มีความสามารถสูงสุดในการเชื่อมต่อเครือข่ายต่าง ๆ เข้าด้วยกัน สามารถเชื่อมต่อ LAN หลาย ๆ เครือข่ายที่ใช้โปรโตคอลต่างกัน หากโปรโตคอลที่ใช้รับส่งข้อมูลของเครือข่ายของทั้งสองไม่เหมือนกัน Gateway ก็จะทำหน้าที่แปลงโปรโตคอลให้ตรงกับปลายทางและเหมาะสมกับอุปกรณ์ของฮาร์ดแวร์ที่แต่ละเครือข่ายใช้งานอยู่นั้นได้ด้วย ขั้นตอนการติดตั้งใช้งานจะซับซ้อนที่สุดในบรรดาอุปกรณ์เครือข่าย CCTV (กล้องวงจรปิด) ทั้งหมด
Layer -3 Switch
การจัดแยกกลุ่มของเครือข่ายเป็นกลุ่มย่อย ๆ จะทำโดยอาศัยอุปกรณ์ที่เรียกว่า Switch หรือ Bridge เป็นตัวแบ่งแยกปริมาณการรับส่งข้อมูล หรือ LAN traffic ของแต่ละกลุ่มออกจากัน โดย Switch จะมีตารางการรับส่งข้อมูลเล็ก ๆ ภายในตัวเองที่จะคอยตรวจสอบว่าข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ IP address ไหนส่งไปยังปลายทางที่ใดและอยู่ที่พอร์ตใดของ Switch เป็นการแบ่งแยกข้อมูลของแต่ละกลุ่มออกจากกันไปในตัวด้วย ทั้งนี้ Switch จะมีการทำงานที่อยู่ในระดับ Layer 2 ของ OSI ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของเครือข่ายดีขึ้น โดยการใช้ฮาร์ดแวร์ของตัว Switch เอง ซึ่งจะทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่การใช้ Switch ก็มีข้อจำกัด คือ ในเครือข่ายที่มีคอมพิวเตอร์ลูกข่ายเป็นจำนวนมาก การใช้ Switch เพียงอย่างเดียวเพื่อแบ่งแยก LAN traffic ที่ต้องมีการรับส่งข้อมูลข้ามกลุ่มย่อย ๆ เป็นปริมาณมาก ๆ จะทำได้ไม่ดี จำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ Router
Layer – 3 Switch ได้รวมข้อดีของ Switch และ Router รวมไว้ด้วยกันในอุปกรณ์ตัวเดียว สามารถแบ่ง LAN traffic ที่มีจำนวนเครื่องลูกข่ายมาก ๆ ได้เหมือนกับ Router และมีความเร็วในการแบ่งแยกข้อมูล โดยอาศัยฮาร์ดแวร์เป็นตัวทำงาน ทำให้การแบ่งแยกข้อมูล LAN traffic ระหว่างกลุ่มย่อย ๆ ในเครือข่ายมีความเร็วสูงขึ้นทั้งใน Layer 2 และ Layer 3 ของ OSI และยังติดตั้งง่ายกว่าและมีราคาถูกว่า Route อีกด้วย
ติดตามข่าวสารที่ LINE : @cctvbangkok
|