จำหน่ายและติดตั้ง กล้องวงจรปิด CCTV FUJIKO KENPRO SAMSUNG PELCO PANASONIC LG WATASHI บริการดูหน้างานประเมินราคาฟรีถึงที่ สอบถามรายละเอียดได้ที่ เลขที่ 200 ซอยบรมราชชนนี 70 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. 10170

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบสื่อสาร

โครงสร้างพื้นฐานของระบบสื่อสาร

ระบบสื่อสารโทรคมนาคม แบ่งเป็นส่วนประกอบต่าง ๆ ดังนี้

1. ผู้ส่งข่าวสาร (Sender) เป็นแหล่งกำเนิดข่าวสารต่าง ๆ เช่น สัญญาณภาพ สัญญาณเสียง และข้อมูลข่าวสาร เป็นต้น

2. ผู้รับข่าวสาร (Receiver) เป็นจุดหมายปลายทางของข่าวสารที่ส่ง การที่รับข่าวสารได้นั้นการส่งข่าวสารต้องคบสมบูรณ์ตามระบบสื่อสาร หากไม่ครบสมบูรณ์เกิดความบกพร่องในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง ถือว่า การสื่อสารล้มเหลว

3. การเข้ารหัส (Encoding) เป็นการแปลงข้อมูลที่จะส่งไปยังปลายทางให้อยู่ในรูปแบบของรหัสสัญญาณทางไฟฟ้าที่บรรจุข้อมูลข่าวสารทั้งหมดไว้ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งข่าวสารและผู้รับข่าวสารมีความเข้าใจตรงกัน และสามารถสื่อสารถึงกันได้

4. การถอดรหัส (Decoding) เป็นการแปลงรหัสสัญญาณทางไฟฟ้าให้กลับมาเป็นข้อมูลข่าวสารทางด้านผู้รับข่าวสาร การถอดรหัสสัญญาณจะต้องตรงกับการเข้ารหัสสัญญาณจึงสามารถสื่อสารกันได้

5. ตัวกลางในการส่ง (Transmission Medium) เป็นสื่อกลางที่ข่าวสารใช้ในการเดินทางผ่านไปจากต้นทางถึงปลายทาง สื่อกลางนี้มีกลายชนิด เช่น อากาศ สายนำสัญญาณ เช่น โลหะ น้ำ เป็นต้น ระยะในการสื่อสารขึ้นอยู่กับชนิดของตัวกลางในการส่ง

6. สัญญาณรบกวน (Noise) เป็นสัญญาณที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มักจะรบกวน และลดทอนสัญญาณทางไฟฟ้าที่ส่งออกไปอาจเกิดขึ้นได้ทั้งด้านผู้ส่งข่างสาร ผู้รับข่าวสาร และตัวกลางในการส่งข่าวสาร ตำแหน่งที่ใช้ในการวิเคราะห์สัญญาณรบกวนอยู่ที่ตัวกลางส่งข่าวสาร เพราะเป็นส่วนที่ก่อให้เกิดสัญญาณรบกวน ทั้งทางด้านต้นทางและปลายทาง

ข้อมูลใช้ในการสื่อสาร

การสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับระบบสื่อสารทั้งสิ้น ต้องเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารให้อยู่ในรูปรหัสสัญญาณทางไฟฟ้า จึงจะสามารถส่งผ่านข้อมูลข่าวสารไปตามสื่อตัวกลางต่าง ๆ ได้ ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในรูปของสัญญาณไฟฟ้ามี 2 ลักษณะ คือ สัญญาณอะนาล๊อก และสัญญาณดิจิตอล

ระบบโทรศัพท์ (Telephone)

โทรศัพท์เป็นระบบพื้นฐานในชีวิตประจำวัน หากมีวิธีการติดตั้งและวิธีการใช้งานอย่างถูกต้องจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้ และต่อองค์กรสูงสุด

ตู้สาขาโทรศัพท์อัตโนมัติ (PABX)

เป็นอุปกรณ์ที่สับจ่ายระบบโทรศัพท์ให้ใช้งานได้มาก มีรายละเอียดดังนี้

ลักษณะของตู้สาขาโทรศัพท์อัตโนมัติ เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีขนาดใหญ่สามารถเก็บข้อมูลสำรองและสามารถถ่ายข้อมูลสำรองได้ภายใน 15 นาที

การรับสัญญาณโทรศัพท์ ของตู้สาขา มาจาก 2 ทางคือ จากภายนอก ซึ่งเป็นสัญญาณจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หรือ หน่วยงานที่ได้รับสัมปทานจากองค์การโทรศัพท์ฯ และจากภายใน ซึ่งเป็นสัญญาณโทรศัพท์ในหน่วยงานเพื่อติดต่อภายในกันเอง

ความสามารถของตู้สาขา สามารถเรียกสายภายใน เรียกสายภายนอก เรียกสายเข้า โอนสาย พักสาย นอกจากนั้นตู้สาขา ขนาดใหญ่จะสามารถจัดประชุมทางสายโทรศัพท์ได้หลายกลุ่ม และหลายตู้สาขาอีกด้วย ปกติแล้วตู้สาขาฯ ควรติดตั้งไว้ในห้องที่ปลอดภัยรวมทั้งแผงโทรศัพท์อยู่ภายในห้อง ซึ่งพอจะสรุปขนาดห้องที่เหมาะสมจะเป็นห้องเครื่องโทรศัพท์ที่เข้าออกได้สะดวก

แผง - สาย - เต้ารับโทรศัพท์

ระบบโทรศัพท์ในหน่วยงานขนาดใหญ่ นอกจากมีตู้สาขาแล้ว จะต้องมีแผงระบบโทรศัพท์หลัก และแผงรับโทรศัพท์ย่อยอีกด้วย

แผงโทรศัพท์ด้านหลัก มีไว้เพื่อต่อสายโทรศัพท์เข้าแผงโดยไม่ต้องปอกสาย การต่อสายโทรศัพท์ด้านเข้า และด้านออกแบบไขว้ นอกจากนั่นในแผงจะมีสายล่อฟ้าชนิดท่อแก๊ส และมีสายดินครบถ้วน

แผงโทรศัพท์ย่อย มีไว้เพื่อต่อสายโทรศัพท์เหมือนแผงโทรศัพท์หลัก แต่ต่อตรงถึงกันได้และต่อจากแผงโทรศัพท์ย่อยไปยังปลั๊กโทรศัพท์อีกทอดหนึ่ง

สายโทรศัพท์ โดยปกติแล้วสายโทรศัพท์ในระบบโทรศัพท์มีหลายประเภทซึ่งมีการใช้งานแตกต่างกัน

เต้ารับโทรศัพท์ สำหรับผู้ใช้งานมีให้เลือกใช้ได้ 2 แบบ คือ

- ชนิด RJ11 ใช้กับสายโทรศัพท์ TIEV

- ชนิด RJ45 ใชกับสายโทรศัพท์ UTP ซึ่งสามารถนำมาใช้แทนสายคอมพิวเตอร์ได้

การตรวจสอบ - ทดสอบโทรศัพท์

การตรวจสอบและทดสอบโทรศัพท์นั้น ทำให้ระบบโทรศัพท์มีความสามารถในการทำงานได้ดี โดยมีรายละเอียดดังนี้

- การตรวจสอบ จะมีการตรวจสอบย่อย ความต้านทานของสายโทรศัพท์ สัญญาณโทรศัพท์ ระบบ จัดเก็บข้อมูลการใช้โทรศัพท์ ห้องเก็บตู้สาขาโทรศัพท์ และแผงโทรศัพท์

- ระยะเวลาในการบำรุงรักษา การตรวจสอบจะมีเวลาความถี่ในการตรวจสอบแล้วแต่กำหนดอาจจะทุก ๆ 1 เดือน หรือ 1 ปี เป็นต้น

ระบบโทรทัศน์วงจรปิด cctv (Close Circuit Television)

โดยทั่ว ๆ ไป เรียกว่า CCTV เป็นระบบที่ใช้ตรวจสอบเกี่ยวกับเครื่องความปลอดภัยในอาคาร โรงงาน หรือสถานที่ที่สำคัญ เป็นต้น รวมทั้งใช้ในการแก้ไขปัญหาจราจรของกรุงเทพฯ โดยทำการติดตั้งกล้อง CCTV ในที่สูงอาจเป็นเสาไฟฟ้า หรืออาคารสูงที่เหมาะสมตามจุดที่มีการจราจรหนาแน่น โดยมีห้องศูนย์ปฏิบัติการจราจรกลางคอยควบคุมและสั่งการซึ่งดูจาก TV

อุปกรณ์ที่ติดตั้งใช้งานร่วมกับระบบ CCTV คือ กล้อง แผงควบคุมกล้อง ซึ่งจะต้องสามารถเลือกทำงานได้อย่างอิสระ สามารถจัดลำดับภาพต่าง ๆ ให้ปรากฏบนจอรับภาพได้ตามลำดับโดยอัตโนมัติและสามารถตัดภาพจากจอหนึ่งไปอีกจอหนึ่งได้ขึ้นอยู่กับผู้ควบคุม ส่วนสายสัญญาณที่รับจากกล้องส่วนใหญ่ใช้สายที่ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของผู้ผลิต ส่วนแหล่งพลังงานที่จ่ายให้กล้องจะมีทั้งระบบ 220 VAC หรือ 12 VAC หรือ 24 VAC

กรณีที่ใช้งานร่วมกับระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้อัตโนมัติ ระบบจะรับสัญญาณผ่านรีเลย์ในระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้อัตโนมัติ และส่งสัญญาณเตือนไปยังแผงควบคุมกล้อง เพื่อเลือกกล้องที่ต้องการให้ภาพปรากฏบนจอและบันทึกเหตุการณ์ลงเทป ส่วนการทำงานร่วมกับระบบควบคุมทางเข้าอาคาร ระบบจะได้รับสัญญาณผ่านรีเลย์ในระบบควบคุมทางเข้าอาคาร แล้วส่งสัญญาณเตือนไปยังแผงควบคุมกล้อง เพื่อเลือกกล้องที่ต้องการปรากฏบนจอแล้วทำการบันทึกเหตุการณ์ลงในเทป

ระบบเสียง (Audio system)

พบในอาคารทั่วไป เช่น อาคารสูง โรงงานอุตสาหกรรม อาคารที่ทำการอาคารชุด สถานีขนส่งผู้โดยสาร เพื่อใช้กระจายเสียงในพื้นที่ส่วนกลาง และอาจจะประกอบด้วยระบบประกาศเรียก โดยอุปกรณ์ของระบบเสียงซึ่งได้แสดงประกอบด้วย CD หรือ TUNER ไมโครโฟนพร้อมระระบบ On-Off ปุ่มปรับเสียง ลำโพง ซึ่งอาจจะเป็นแบบแตร หรือ แบบติดฝังเพดาน ซึ่งทั้ง 2 แบบจะต้องใช้หม้อแปลงแมชชิ่ง ในกรณีที่เป็นแบบแตร ส่วนลำโพงแบบฝังติดเพดานมักจะมีขนาดไม่ต่ำกว่า 3 W

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (LAN)

ระบบที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเป็นข่ายงาน โดยจำกัดในวงพื้นที่ส่วนหนึ่ง เช่น ภายในสถานที่ทำงาน หรือภายในโรงงานอุตสาหกรรมเดียวกัน เป็นต้น เพื่อใช้งานทรัพยากรบางส่วนรวมกัน เรียกข้อมูลบางอย่างมาใช้งานร่วมกัน ตลอดจนเก็บข้อมูลรวมกันไว้ในแหล่งข้อมูลเดียวกัน ใช้ฮาร์ดดิสก์ร่วมกัน ใช้เครื่องพิมพ์ หรือ เครื่องพล็อตเตอ์ร่วมกัน และใช้เครื่องสแกนภาพร่วมกัน เป็นต้น

การใช้งานกับอุปกรณ์หลักต่าง ๆ เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ระบบเครือข่าย LAN จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งมีฮาร์ดดิสก์อยู่ ทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการข้อมูล คอยให้บริการกับสถานีงานต่าง ๆ เช่น การโหลดโปรแกรม การโหลดข้อมูล และการจัดเก็บข้อมูล เป็นต้น

การเชื่อมต่อระบบเครือข่าย LAN กับนอกรระบบเครือข่ายสามารถทำได้ โดยการใช้สะพานเชื่อมโยงเป็นตัวเชื่อมโยงในการสื่อสารถึงกันสามารถใช้ผ่านทางโมเด็ม ทำให้ผู้ใช้งานสะดวกในการเชื่อมต่อระบบจากที่ทางไกลได้ การเรียกข้อมูล การปรับปรุงข้อมูลทำได้ตลอดเวลา การใช้งานในระบบเครือข่าย LAN ทำได้กลากหลายช่วยกระจายทรัพยากรให้ใช้งานได้อย่างทั่วถึง และประหยัด

ระบบใยแก้วนำแสง (Fiber Optics)

เป็นเส้นใยขนาดเล็กที่ผลิตขึ้นมาจากแก้วหรือไฟเบอร์ โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิต ทำให้ได้เส้นใยแสงที่มีขนาดเล็กและมีความยาวมาก ๆ เช่นเดียวกับสายไฟฟ้า ประโยชน์ของเส้นใยแก้วนำแสงใช้เป็นสายนำแสงให้เดินทางไปได้ไกล ๆ ในทิศทางที่ต้องการใช้งานในระบบสื่อสาร และโทรคมนาคมทางแสง มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสื่อสารไมโครเวฟและการสื่อสารดาวเทียม เหตุที่ใยแก้วนำแสงเข้ามามีบทบาทในการสื่อสารเพราะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการสื่อสารด้วยสายไฟ หรือคลื่นวิทยุ

ข้อดีของเส้นใยนำแสง มีด้วยกันหลายประการ คือ

1. ส่งด้วยคลื่นแสงที่มีความถี่สูงมาก ทำให้แถบของความถี่ใช้งานมากขึ้น สามารถส่งข้อมูลข่าวสารได้มากขึ้น

2. การสูญเสียในการส่งสัญญาณต่ำ ทำให้ระยะทางของการติดตั้งสถานีทวนสัญญาณไกลมากขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่าย

3. ขนาดเล็กน้ำหนักเบา ทำให้ประหยัดเนื้อที่ในการติดตั้ง และติดตั้งได้ง่าย

4. ไม่เกิดการเหนี่ยวนำทางแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่เกิดการรั่วไหลของสัญญาณ ไม่เกิดการรบกวนทางคลื่นวิทยุ

5. เป็นฉนวนทางไฟฟ้า ทำให้เกิดการแยกกันทางไฟฟ้าระหว่างเครื่องรับ และเครื่องส่ง

6. การแอบต่อไปใช้งานทำได้ยาก ช่วยรักษาความปลอดภัยในการสื่อสารโทรคมนาคมมากขึ้น

7. ช่วยประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ เพราะแก้วที่ใช้ในการผลิตเส้นใยแสงหาได้ง่ายกว่าทองแดง

โครงสร้างของเส้นใยแสง ประกอบด้วย ส่วนประกอบที่สำคัญ 2 ส่วนคือ ส่วนที่แสงเดินทางผ่านเรียกว่า คอร์ เป็นส่วนที่อยู่ตอนกลางของเส้นใยแสงในรูปทรงกระบอก และส่วนที่หุ้มคอร์โดยรอบเรียกว่า แคลดดิง ทั้งคอร์และแคลดดิงเป็นฉนวนชนิดโปร่งในนำมาประกอบเป็นเส้นใยแสง

การแบ่งตามชนิดของสารที่ใช้ผลิต

สารที่นิยมใช้ในการผลิตเส้นใยแสง แบ่งออกได้ 3 ชนิดคือ

- แก้วซิลิกา และเติมสารอื่นปนลงไปด้วย

- แก้วหลายชนิดปนกัน

- พลาสติดพวกซิลิคอนเรซิน

ติดตามข่าวสารที่ LINE : @cctcbangkok.com