จำหน่ายและติดตั้ง กล้องวงจรปิด CCTV FUJIKO KENPRO SAMSUNG PELCO PANASONIC LG WATASHI บริการดูหน้างานประเมินราคาฟรีถึงที่ สอบถามรายละเอียดได้ที่ เลขที่ 200 ซอยบรมราชชนนี 70 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. 10170

การตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษา

ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ต้องมีการทดสอบและตรวจสอบเมื่อมีการติดตั้งแล้วเสร็จตามระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ระบบใช้งานได้ดีตามต้องการ มีความเชื่อถือได้สูง และอยู่ในสภาพที่พร้อมจะทำงานได้อย่างสมบูรณ์เมื่อเกิดเหตุการดำเนินการควรเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าของอาคาร ผู้ดูแล และผู้ทำการติดตั้ง การดำเนินการต้องทำโดยผู้ที่มีความรู้ความชำนาญเพราะอุปกรณ์บางตัวมีความซับซ้อน บางตัวอาจชำรุดหลังการทดสอบผู้ทำการทดสอบจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจเพียงพอและมีวิธีการที่เหมาะสม

ภาระหน้าที่และหลักการดำเนินการ

การตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษา เป็นภาระความรับผิดชอบของเจ้าของอาคาร ที่จะจัดการให้มีการตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษา โดยควรดำเนินการดังนี้

1. จัดให้ผู้รับผิดชอบดูแลในเรื่องการบำรุงรักษาระบบโดยเฉพาะ ทำการตรวจสอบ ทดสอบ ตามระยะเวลาที่เหมาะสม และทำการบันทึกผลในสมุดบันทึก เพื่อไว้ใช้ประโยชน์เมื่อต้องมีการซ่อมแซม หรือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือมีการดำเนินการติดตั้งใหม่และมีการติดตั้งเพิ่มเติมกล้อง CCTV

2. การตรวจสอบ ทดสอบควรแจ้งให้ผู้อยู่อาศัยในอาคารทราบล่วงหน้าทุกครั้ง เพื่อไม่ให้ผู้อยู่อาศัยตกใจจากสัญญาณเตือนต่าง ๆ ที่อาจดังได้ และเกิดความสับสน อาคารที่มีผู้ป่วย และอาคารที่ต้องมีการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษรวมถึงกล้องวงจรปิด CCTV

3. การตรวจสอบภายหลังการติดตั้งจะทำเพื่อให้มั่นใจว่าระบบได้ทำ การติดตั้งถูกต้องว่าอุปกรณ์กล้องวงจรปิด CCTV การตรวจสอบภายหลังการติดตั้งจะทำโดยวิศวกรหรือช่างที่เป็นหน่วยงานอิสระ พร้อมทั้งทำรายงานผลการติดตั้งเก็บไว้ การตรวจสอบนี้รวมถึงการตรวจสอบการเดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ด้วยว่าถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่และคุณสมบัติกล้อง CCTV

4. เมื่อตรวจสอบการติดตั้งว่าถูกต้องตามที่ได้ออกแบบไว้แล้ว จะต้องทำการทดสอบการทำงานของระบบและอุปกรณ์ ว่าทำงานถูกต้อง ตรงตามหน้าที่ ที่ได้ออกแบบไว้ของผู้ขายกล้อง CCTV และต้องมีการจดบันทึกการตรวจสอบไว้ด้วยเพื่อให้ระบบกล้อง CCTV พร้อมใช้งาน

5. ภายหลังการติดตั้งใช้งานไประยะหนึ่งแล้ว ต้องมีการตรวจสอบและทดสอบอุปกรณ์กล้อง CCTV อีกตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าระบบยังคงใช้งานได้ดีเหมือนเมื่อตอนติดตั้งเสร็จ การตรวจสอบและทดสอบนี้จะมีการจดลงสมุดบันทึกไว้ทุกครั้งและนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบเพื่อหาจุดบกพร่อง เพื่อการบำรุงรักษา และเพื่อการป้องกัน ต่อไป

6. ในบางสถานที่ที่อาจเกิดอันตรายจาการทดสอบ ต้องมีการป้องกันที่เหมาะสม

การตรวจสอบการติดตั้ง

อุปกรณ์ที่เลือกมาใช้ในการติดตั้งเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากเลือกอุปกรณ์ที่ถูกต้องตามข้อกำหนดของผู้ออกแบบแล้ว ยังควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้ตามมาตรฐาน มีความเชื่อถือได้สูง และเมื่อติดตั้งเสร็จ ต้องมีการตรวจสอบการติดตั้งและการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ยังคงใช้งานได้ดี ไม่ชำรุดเสียหายระหว่างการจนส่งและการติดตั้ง การตรวจสอบนี้รวมถึงการตรวจสอบการติดตั้งด้วยว่าได้ดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในแบบหรือไม่ขั้นตอนการดำเนินการมีแนวทางดังนี้

การตรวจสอบก่อนการติดตั้ง แบ่งการตรวจสอบเป็นขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้

- ตรวจสอบการออกแบบ ในการตรวจสอบความถูกต้องของแบบ ต้องดำเนินการก่อนที่จะเริ่มทำการติดตั้ง แบบที่ดีควรเป็นแบบที่สอดคล้องตามข้อกำหนดของมาตรฐาน ความสะดวกในการใช้งาน ความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย และประหยัด ข้อกำหนดที่มีในมาตรฐานเป็นเพียงข้อกำหนดขั้นต่ำควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก แต่อาจยังไม่เพียงพอกับบางสถานที่ และสามารถออกแบบให้สูงกว่าที่กำหนดได้โดยควรพิจารณาถึงความสำคัญของสถานที่ ยังคงอยู่บนพื้นฐานการประหยัดด้วย

- ตรวจสอบรายละเอียดและการเลือกใช้อุปกรณ์ การออกแบบจะต้องระบุรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ใช้มาด้วย นำมาใช้ให้สอดคล้องตามที่ผู้ออกแบบกำหนด กรณีที่เป็นอุปกรณ์ที่แตกต่างไปจากที่กำหนดในแบบ เนื่องจากหาซื้อไม่ได้หรือมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง ผู้รับเหมาหรือผู้จัดซื้ออุปกรณ์ต้องชี้แจงหรือแสดงรายละเอียดให้เห็นว่าอุปกรณ์ที่จะทำการติดตั้งมีคุณสมบัติความสามารถไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในแบบ

การตรวจสอบระหว่างการติดตั้ง เป็นเรื่องจำเป็นเพื่อลดความเสียหายจากการที่ต้องมาเปลี่ยนภายหลัง การเลือกใช้อุปกรณ์และการติดตั้งไม่ถูกต้องทั้งยังสามารถตรวจการติดตั้งบางจุดที่เมื่อติดตั้งแล้วไม่สามารถตรวจได้ เนื่องจากเป็นการติดตั้งในที่ซ่อน หรือมีส่วนของอาคารปิดทับ ในการทำงานติดตั้งจริง การตรวจสอบระหว่างการติดตั้งจะช่วยให้ทราบความคืบหน้าของงานที่กำลังดำเนินการด้วย ถ้าเทียบกับตารางเป้าหมายของงานแล้วพบว่าทำงานล่าช้ากว่าที่กำหนดก็จะได้แก้ไขทัน

การตรวจสอบเมื่อติดตั้งแล้วเสร็จ สามารถแยกการตรวจสอบออกได้เป็น 2 ช่วงเวลา คือ การตรวจสอบเมื่อทำการติดตั้งเสร็จใหม่ ๆ และการตรวจสอบ ระยะเวลาผ่านไประยะหนึ่ง การตรวจสอบทั้งสองแบบจะมีจุดประสงค์แตกต่างกัน การตรวจสอบเมื่อติดตั้งเสร็จจะเป็นการตรวจสอบว่าการติดตั้งได้ทำตามที่กำหนดในแบบหรือไม่ อุปกรณ์ตรงตามที่กำหนดและใช้งานได้หรือไม่ เป็นต้น ส่วนการตรวจสอบเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งจะเป็นการตรวจสอบเพื่อหาจุดบกพร่อง การเสื่อมสภาพ เพื่อการบำรุงรักษาต่อไป การตรวจสอบเมื่อติดตั้งแล้วเสร็จควรดำเนินการ ดังนี้

- ตรวจอุปกรณ์ตรวจจับ อุปกรณ์ตรวจจับทั้งหมดที่ติดตั้งในระบบต้องตรงตามแบบที่ติดตั้งจริง

- วัดค่าต่าง ๆ ของวงจร วัดค่าแรงดันหรือความต้านทานวงจรในโซนตรวจจับและแจ้งเหตุ ต้องสอดคล้องตามที่กำหนด

- ทดสอบการเปิดวงจรและลัดวงจร ที่อุปกรณ์ปลายสายวงจรของแต่ละวงจรโซนตรวจจับ ต้องมีการทดสอบเปิดวงจรหรือลัดวงจร หรือทำการทดสอบอย่างอื่นที่เหมาะสม

- ทดสอบสัญญาณเสียงแจ้งเหตุ ทำได้โดยการกดปุ่ม ทำการทดสอบเซอร์กิตเบรกเกอร์ของแหล่งจ่ายไฟฟ้าหลัก โดยการปิดและเปิดอย่างน้อย 5 ครั้ง

- ตรวจสอบการตอบสนองของอุปกรณ์ตรวจจับ ต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานของอุปกรณ์ตรวจจับ การปรับแต่งระดับการตรวจจับ และการแสดงผล ถูกต้อง ระยะเวลาการตอบรับไม่เกิน 6 วินาที นับจากเวลาที่อุปกรณ์ตรวจจับทำงาน

- ตรวจสอบแผงควบคุมเพลิงไหม้หลัก ตรวจสอบในการรับสัญญาณแจ้งเหตุจากแต่ละโซนตรวจจับและตรวจสอบการส่งสัญญาณแจ้งเหตุหลักไปยังบริภัณฑ์อื่น ๆ ที่ทำหน้าที่ควบคุมเพลิงไหม้

- ตรวจสอบอุปกรณ์แจ้งเหตุ เสียงและแสง ว่าทำงานถูกต้องตรงตามที่ได้ออกแบบไว้ เสียงต้องมีเสียงดังทั่วทุกพื้นที่ ตรวจสอบด้วยการวัดความดังของเสียง ต้องเป็นไปตามกำหนดมาตรฐาน ในสถานที่ที่มีเสียงรบกวนดังมากหรือเป็นสถานที่สำหรับบุคคลที่มีปัญหาการได้ยิน ต้องติดตั้งอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยแสง อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยแสงต้องมีความเข้มแสงเพียงพอที่จะกระตุ้นเตือนให้ผู้อาศัยทราบ ต้องติดตั้งทั่วทั้งพื้นที่ ไม่มีสิ่งกีดขวางแสงเละมีระยะห่างตามที่กำหนด

- ตรวจสอบอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือ การทำงานของชุดโซนตรวจจับร่วมกับระบบอื่น ๆ และตรวจอุปกรณ์อื่น ๆ ทั้งหมด - ตรวจสอบการเดินสาย ชนิดของสาย ขนาด และสีของสายไฟฟ้าที่ใช้งานให้สอดคล้องตามที่กำหนด การเดินสายมีวิธีที่เหมาะสมในการป้องกันความเสียหายภายหลังการติดตั้ง การต่อสายทำได้ถูกต้องเหมาะสม และข้อกำหนดอื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย

ข้อแนะนำในการตรวจสอบอุปกรณ์ตรวจจับ

อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน การตรวจสอบอุปกรณ์ตรวจจับแต่ละแบบมีวิธีการที่แตกต่างกัน ดังนี้

อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดคืนสภาพ เป็นอุปกรณ์ที่เมื่อทำงานแล้วจะกลับคืนสภาพเดิมเมื่อสภาพแวดล้อมกลับมาอยู่ในสภาพเดิม อุปกรณ์ตรวจจับชนิดนี้สามารถทำการทดสอบการทำงานได้ ในการทดสอบจะใช้แหล่งกำเนิดความร้อนที่ให้ความร้อนสูงเกินค่าที่ทำงานปกติ การทดสอบจะทดสอบว่าอุปกรณ์ทำงานหรือไม่เท่านั้น ไม่สามารถทดสอบค่าอุณหภูมิที่อุปกรณ์ทำงานได้ หลังการทดสอบแล้วให้ปรับคืนสภาพเดิม

อุปกรณ์ตรวจจับแบบอุณหภูมิคงที่ชนิดไม่คืนสภาพ อุปกรณ์ตรวจชนิดจุดและชนิดเส้นห้ามทำการทดสอบโดยใช้ความร้อน เพราะการทดสอบจะทำให้อุปกรณ์ตรวจจับเสียสภาพไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก ในการทดสอบจะใช้การทดสอบในห้องปฏิบัติการแทน และจะทำการทดสอบการทำงานโดยทางกลและทางไฟฟ้า บันทึกค่าความต้านทานวงจรเปรียบเทียบกับค่าที่ยอมรับได้จากคำแนะนำของผู้ผลิต อุปกรณ์ตรวจจับที่ทดสอบแล้วห้ามนำกลับมาใช้อีก

อุปกรณ์ตรวจจับควัน การทดสอบควรทำการทดสอบการทำงานทุกตัว เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ตรวจจับทำงานได้ดีที่ได้ออกแบบไว้ การทดสอบสามารถทำการทดสอบได้ที่จุดติดตั้ง โดยใช้ควันหรือก๊าซเสมือนควันที่ผู้ผลิตแนะนำหรือยอมรับ การทดสอบไม่เพียงแต่ทดสอบว่าอุปกรณ์ทำงานหรือไม่เท่านั้นแต่ต้องตรวจสอบความไวของอุปกรณ์ให้อยู่ในช่วงที่ทำงานได้ของอุปกรณ์ตามที่ผู้ผลิตแนะนำด้วย

อุปกรณ์ตรวจจับเปลวเพลิงและก๊าซ ให้ทำการทกสอบตามคำแนะนำของผู้ผลิต

การตรวจสอบเพื่อการบำรุงรักษา

การพยายามรักษาสภาพของระบบและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้มีสภาพที่พร้อมจะใช้งานอยู่ตลอดเวลา การบำรุงรักษาจะครอบคลุมถึงการซ่อมบำรุง และเปลี่ยนอุปกรณ์ด้วยเมื่อพบว่ามีการชำรุดเยหาย การทดสอบนี้จะดำเนินการภายหลังการติดตั้งใช้งานไปแล้วช่วงระยะเวลาหนึ่ง จุดประสงค์หลักของการบำรุงรักษาคือ

1. เพื่อให้ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล

2. เพื่อให้ระบบมีสมรรถนะการทำงานสูง

3. เพื่อให้อุปกรณ์มีความเที่ยงตรง เชื่อถือได้

ติดตามข่าวสารที่ LINE : @cctvbangkok.com